สอนลูกใช้บัตรเดบิตให้ปลอดภัย

สอนลูกใช้บัตรเดบิตให้ปลอดภัย (บัตรเครดิตบล็อก)
สอนลูกใช้บัตรเดบิตให้ปลอดภัย &&& สำหรับผู้ที่สมัครบัตรเครดิตแล้วไม่ผ่าน บัตรเครดิตเสมือน หรือที่เราเรียกว่า บัตรเดบิต ก็น่าจะเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจ ขอดีที่เห็นได้เด่นชัดที่สุดของบัตรเดบิต คือ เราสามารถควบคุมการใช้จ่ายของเราได้ ไม่ว่าจะควบคุมจากทางตรง นั่นคือ จากยอดค่าใช้จ่ายที่เราเป็นผู้กำหนดในการใช้จ่ายแต่ละวัน หรือใช้จ่ายแต่ละครั้ง หรือควบคุมทางอ้อม จากยอดเงินในบัญชี จากข้อดีดังกล่าว ทำให้ผู้ปกครองหลายท่านที่อยากจะให้บุตรหลาน คิดเรื่องให้ลูกใช้จ่ายด้วยตัวเอง โดยอาจจะสมัครบัญชีออมทรัพย์ และเลือกใช้บริการมีบัตรเดบิต บัตรเดบิตนอกจากจะสามารถใช้ฝาก ถอน โอนเงินผ่านตู้เอทีเอ็ม ได้เหมือนกับบัตรเอทีเอ็มแล้ว ยังสามารถใช้รูดซื้อสินค้า ในห้างสรรพสินค้า โรงหนัง หรือร้านอาหารได้อย่างสะดวกสบาย รวมทั้งสามารถใช้ซื้อของผ่านอินเตอร์เน็ตได้อีกด้วย อย่างไรก็ตาม ความสะดวกสบายที่ได้รับนั้น มาพร้อมกับความเสี่ยงจากการโจรกรรมเงินในบัญชี จึงต้องรู้จักวิธีระวังป้องกันและแก้ไขหากมีเหตุการณ์ที่ไม่ปกติเกิดขึ้น เทคนิคและวิธีที่จะแนะนำต่อไปนี้ ช่วยให้ลูกหลานท่านใช้บัตรเดบิตรได้อย่างปลอดภัย เมื่อใช้บัตรเดบิตได้ปลอดภัยแล้ว การใช้บัตรเครดิตให้ปลอดภัยก็ไม่ใช่เรื่องยาก ขอแนะนำที่ว่า มีดังนี้

1. หลีกเลี่ยงใช้บัตรเดบิตในที่ๆ มีโอกาสถูกโจรกรรมได้ง่าย โอกาสที่จะถูกโจรกรรมเงินในบัตรได้นั้น อาจจะมาจากการใช้บัตรเดบิตในการรูดซื้อสินค้า แล้วถูกคัดลอกข้อมูลในบัตรที่อยู่บนแถบแม่เหล็ก ส่วนการกดเงินออกจากตู้เอทีเอ็ม ก็อาจถูกคัดลอกข้อมูลในบัตรโดยเครื่องอ่านข้อมูลของคนร้ายที่แปะอยู่ตรงช่องเสียบบัตร พร้อมกับการแอบดูรหัสผ่านด้วยกล้องรูเข็มของคนร้าย หรืออาจถูกดักรหัสบัตร 4 หลักผ่านแป้นกดเลขปลอมที่แปะอย่างเนียนๆ อยู่บนแป้นจริงก็เป็นได้ วิธีการหลีกเลี่ยงการใช้งานเพื่อลดโอกาสการถูกโจรกรรมข้อมูล ผู้ปกครองควรแนะนำให้ลูกใช้บัตรเดบิตรูดซื้อสินค้ากับร้านค้าที่ไว้ใจได้ รวมทั้งสอนลูกให้สังเกตเวลาพนักงานนำบัตรไปรูดว่าไม่ได้นำไปรูดซ้ำกัน 2 ครั้งกับเครื่องรูด 2 เครื่อง เพราะอีกเครื่องหนึ่งอาจเป็นเครื่องคัดลอกข้อมูลบนแถบแม่เหล็ก นอกจากนี้ เวลาเลือกตู้เอทีเอ็ม ก็ไม่ควรเลือกตู้ที่อยู่ในที่เปลี่ยว และก่อนกดเงินให้ดูด้วยว่าตู้เอทีเอ็มเครื่องนั้น มีอะไรผิดปกติจากตู้เอทีเอ็มที่เราเคยใช้หรือไม่ หากมีอะไรแปลกๆ แต่ไม่แน่ใจ การสันนิษฐานไว้ก่อน ว่ามีอุปกรณ์ป้องกันการติดเครื่องคัดลอกข้อมูลบัตรกับตู้เอทีเอ็มเครื่องนั้น ก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้าย และห้ามใช้ตู้เอทีเอ็มเครื่องนั้นโดยเด็ดขาด
 2. จำกัดความเสียหายจากการใช้บัตร การจำกัดความเสียหาย ก็คือ การจำกัดวงเงินในบัตรนั่นเอง ปกติบัตรเดบิตจะมีวงเงินอยู่ 3 แบบ ได้แก่ วงเงินการซื้อสินค้า วงเงินการเบิกถอนเงินสด และวงเงินสำหรับการโอนเงินไปยังบัญชีอื่น ซึ่งทั้ง 3 วงเงินนี้ สามารถปรับลดลงได้ผ่านทางคอลเซ็นเตอร์ ตามความจำเป็นในการใช้งาน สำหรับวงเงินการซื้อสินค้านั้น พ่อแม่ ผู้ปกครองควรแนะนำลูกให้จำกัดวงเงิน เลือกจำกัดจำนวนเงินให้พอดีกับการใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน ว่าในแต่ละสัปดาห์ ในแต่ละเดือน ใช้จ่ายเท่าใด เป็นต้น หากคนร้ายนำบัตรไปรูดซื้อสินค้า ก็จะไม่สามารถใช้กับรายการใหญ่ๆ ได้ เงินในบัญชีก็จะไม่สูญหายมากเกินกว่าที่จำกัดไว้ ส่วนวงเงินที่ใช้ในการกดเงินสดและวงเงินสำหรับการโอนเงินผ่านตู้เอทีเอ็ม ก็ควรบอกให้ลูกตั้งเอาไว้ให้เพียงพอสำหรับการเบิกถอนเงินและโอนเงินในแต่ละครั้ง เช่น ตั้งเอาไว้ประมาณ 5,000 – 10,000 บาท หากไม่พอในบางครั้งและต้องการขยายวงเงินค่อยทำการขยายวงเงินผ่านโทรศัพท์ในภายหลัง นอกจากนี้ ไม่ควรเก็บเงินเอาไว้ในบัญชีเงินฝากออมทรัพย์มากเกินไป เพราะนอกจากบัญชีเงินฝากออมทรัพย์จะได้ดอกเบี้ย ในอัตราที่ต่ำกว่าการออมทรัพย์แบบอื่นแล้ว การที่มีเงินอยู่ในที่ๆ สามารถให้ลูกเบิก-ถอนได้ง่ายเกินไป อาจทำให้บุตรหลานมือเติบ ใช้เงินอย่างเพลิดเพลิน จนขาดความระมัดระวัง เสียวินัยทางการเงินได้อีกด้วย
3. สงสัย หรือพบอะไรผิดปกติต้องแจ้งธนาคารเจ้าของบัญชีทันที ในกรณีที่มีการสมัครใช้บริการแจ้งเตือนการทำรายการผ่านทางระบบเอสเอ็มเอส (SMS) ปัจจุบันนี้ แทบทุกธนาคารจะมีบริการ SMS ALERT สามารถทราบความเคลื่อนไหวของบัญชีเงินฝากได้ทันทีผ่านโทรศัพท์มือถือ หากมีรายการฝาก ถอน หรือรูดซื้อสินค้าด้วยบัตรเดบิต ซึ่งเป็นเสมือนระฆังเตือนภัยในกรณีที่คนร้ายโจรกรรมข้อมูลจากบัตรเดบิต แล้วนำไปรูดซื้อสินค้าหรือกดเงินสดผ่านตู้เอทีเอ็ม เมื่อมีรายการแปลกปลอมเหล่านี้เกิดขึ้น ต้องรีบโทรแจ้งทางคอลเซ็นเตอร์ เพื่ออายัดบัตรเดบิตโดยทันที พร้อมกับแจ้งว่ารายการดังกล่าวเป็นรายการที่คาดว่าเกิดจากคนร้ายที่ขโมยข้อมูลบัตรเดบิตไป เพื่อให้ทางธนาคารทำเรื่องตรวจสอบ และคืนเงินที่คนร้ายได้ไป กลับมาเข้าบัญชีของลูกเราเหมือนเดิม การรู้จักสอนลูกให้รู้จักป้องกัน ระวังภัยที่อาจเกิดขึ้นจากบัตรเดบิต อย่างน้อยก็พอจะอุ่นใจได้ว่า เงินค่าขนมที่เราให้ลูกไปใช้หรือเก็บสะสมไว้นั้นจะอยู่รอดปลอดภัย