เริ่มและเลิกปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้เงินต่อไปนี้ จะทำให้คุณรวยถึงขั้นเป็นมหาเศรษฐี

เริ่มและเลิกปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้เงินต่อไปนี้ จะทำให้คุณรวยถึงขั้นเป็นมหาเศรษฐี  ... ขออนุญาตหยิบยกเอาคำยอดฮิตของผู้ใหญ่ในบ้านเมืองมาใช้เลยก็แล้วกัน ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเกี่ยวกับเรื่องเงินๆ ทองๆ เสียแต่วันนี้ เพื่อในวันข้างหน้าจะได้มีโอกาสรวยเป็นเศรษฐีกะเค้าบ้าง ทั้งๆที่เงินเดือนขึ้นทุกปี สิ้นปีก็ได้รับโบนัสอีก แต่ทำไมเงินจึงไม่มีเหลือเก็บอย่างที่ควรจะเป็น สงสัยกันมั้ย เงินหายไปไหน จริงๆ แล้ว เงินไม่ได้หายไปไหน แต่มันเป็นเพราะว่า เมื่อเราได้รับเงินมา ก็มักจะนำเงินที่ได้ไปใช้ทันที แถมบางครั้งก็มีการใช้จ่ายมากกว่าเดิมเพราะคิดว่ามีเงินเพิ่มนั่นเอง พฤติกรรมการใช้เงินแบบนี้จึงเป็นสาเหตุให้หลายๆ คน มีปัญหาเรื่องเงินไม่พอใช้ แต่ทุกอย่างแก้ไขได้ด้วยตัวของเราเอง การเริ่มและเลิกนิสัยการใช้เงินที่ผิดๆ เปลี่ยนพฤติกรรมการใช้เงินเสียแต่วันนี้ มันจะค่อยๆ เปลี่ยนพฤติกรรมการออมและการใช้จ่ายของคุณเอง วันข้างหน้าจะทำให้มีเงินออม มีเงินเก็บมากขึ้น โอกาสมีกินมีใช้ ไม่ต้องมีหนี้ก็ไม่ใช่เรื่องยากครับ พฤติกรรมที่ต้องปรับเปลี่ยนมีอะไรบ้าง มีดังนี้...
รอบรู้เรื่องการเงิน : บัตรเครดิตบล็อก

      1.เริ่มต้นจากสิ่งที่ทำได้ง่ายๆ ทันที เช่น การเก็บเหรียญสตางค์ไม่ว่าจะเป็นเหรียญ 1 บาท 5 บาท หรือ 10 บาท จะเห็นได้ว่าจำนวนเหรียญที่เก็บในแต่ละครั้งไม่มาก ทำให้รู้สึกว่าการเก็บออมไม่ได้เป็นภาระ เมื่อรวบรวมไว้นานๆ ก็กลายเป็นเงินก้อนที่มีมูลค่าได้อย่างไม่น่าเชื่อ อย่างที่คนโบราณกล่าวไว้ว่า “มีสลึงพึงบรรจบให้ครบบาท” และควรสร้างวินัยด้วยการออมก่อนใช้ โดยออมให้ได้อย่างน้อย 10% เมื่อมีรายได้เข้ามาเสมอ
       2.กำหนดจำนวนเงินในกระเป๋า วิธีการนี้ช่วยจำกัดการใช้จ่ายเงิน โดยอาจจะมีเงินเพียงพอที่จะใช้จ่ายในช่วง (ระยะ) 1-2 สัปดาห์ ซึ่งจะช่วยให้รู้จำนวนเงินที่สามารถใช้ได้ และใช้เงินเท่าที่มีในกระเป๋า หากเงินในกระเป๋าเหลือน้อยแล้วไม่ควรกด ATM เพิ่มเติมโดยไม่จำเป็น วิธีนี้ช่วยให้เราตระหนักรู้ตระหนักใช้ เลือกใช้จ่ายเฉพาะสิ่งที่จำเป็นตามงบประมาณที่มี
       3.เก็บเงินแยกไว้ให้ชัดเจน นอกจากจะแบ่งเงินออมและเงินสำหรับใช้จ่ายแล้ว ในเงินออมที่เก็บไว้นี้ให้แบ่งเป็น 2 ส่วน ส่วนแรกจะเป็นเงินเก็บที่ไม่ถูกนำมาใช้เลย โดยอาจจะเก็บออมในรูปของบัญชีเงินฝากประจำเท่าๆ กันทุกเดือน หรือกองทุนรวมตราสารหนี้ที่มีกำหนดระยะเวลาลงทุน และสำหรับส่วนที่สองนั้นสามารถนำไปใช้ได้เมื่อมีเหตุการณ์ไม่คาดฝัน หรือเงินออมสำรองฉุกเฉิน โดยอาจจะเก็บไว้ในบัญชีออมทรัพย์ก็ได้
      4.ซื้อสินค้าตามความจำเป็น ไม่ซื้อตามความต้องการ แยกแยะความจำเป็น กับความอยากมีอยากได้ออกจากกันให้ได้ เช่น โทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่ แม้จะผ่อนชำระ 0% แต่หากไม่ซื้อก็จะไม่ต้องจ่ายเงินและไม่เป็นหนี้อีกด้วย หรือก่อนตัดสินใจซื้อให้กลับมาคิดทบทวนอีกครั้งเมื่อเวลาผ่านไปอีก 2-3 วัน เราอาจจะไม่ได้อยากได้สินค้านั้นแล้วก็ได้ ฉะนั้นก่อนตัดสินใจจ่ายเงินซื้อสินค้าทุกครั้งให้ถามตนเองก่อนเสมอว่ามีความจำเป็นต้องใช้สิ่งของเหล่านั้นหรือไม่
      5.มีแล้วก็ไม่ควรซื้ออีก บ่อยครั้งที่เราชอบซื้อของแบบเดิมกลับมา ทั้งที่เคยซื้อของชิ้นนั้นไปแล้ว ดังนั้นควรสำรวจสิ่งของที่มีอยู่เพื่อนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์และยังเป็นการช่วยลดรายจ่ายทำให้เรามีเงินเหลือเก็บมากขึ้น
      6.บรรเทิง เริงรมย์ให้พอดี การทานอาหารนอกบ้านโดยเฉพาะมื้อเย็น หรือวันหยุด มักจะต้องใช้เงินมากกว่าปกติ ลองหันมาทำอาหารรับประทานกันในบ้าน นอกจากจะช่วยประหยัดแล้วยังเป็นการใช้เวลากับคนในครอบครัว เรียกว่าอิ่มทั้งกายและยังอิ่มใจไปพร้อมๆ กัน
      7.บัตรเครดิต ก่อนใช้ต้องคิดให้รอบคอบ อย่างที่ผมเน้นย้ำอยู่ตลอด ใช้บัตรเครดิตเมื่อมีเหตุจำเป็นจริงๆ และจะต้องชำระหนี้ให้หมดโดยเร็ว ไม่ใช้เกินแผนการใช้เงินที่กำหนดไว้ตั้งแต่แรก และจ่ายชำระยอดหนี้บัตรเครดิตเต็มจำนวนทุกครั้ง จึงจะเป็นการใช้ประโยชน์จากบัตรเครดิตอย่างแท้จริง ไม่ควรสร้างหนี้จากบัตรเครดิตไม่จำเป็น

นอกจากนี้แล้ว "บัตรเครดิต" บล็อก ยังมีข้อแนะนำเพิ่มเติมจากที่กล่าวมา คือ การทำบัญชีรับจ่ายเงิน ถ้าจะกล่าวถึงในแง่เศรษฐกิจพอเพียงก็คงเป็นเรื่องบัญชีครัวเรือน ก็เป็นอีกเครื่องมือหนึ่ง ที่ช่วยติดตามพฤติกรรมการรับจ่ายเงินของตนเอง รวมไปถึงค่าใช้จ่ายในครัวเรือน สำหรับในช่วงแรกของการเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้เงินนั้น อาจจะทำให้เกิดความลำบากใจ ลำบากกายไม่น้อย แต่ก็น่าจะเป็นแค่ช่วงแรกของการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้เงินเท่านั้น หากทำอย่างสม่ำเสมอก็จะเกิดเป็นความเคยชิน สิ่งสำคัญอีกอย่างก็คือ ความตั้งใจจริง ความมีวินัย ซึ่งสองอย่างนี้ จะช่วยให้เราไปสู่เป้าหมายในการออมอย่างสม่ำเสมอ วันข้างหน้าถึงไม่ได้รวยเป็นเศรษฐีก็คงมีกิน มีใช้ ไม่มีหนี้อย่างแน่นอน