ก่อนอื่นเลย สำหรับธุรกิจประเภทบัตรเครดิต จะอยู่ภายใต้การควบคุมของธนาคารแห่งประเทศไทย เรียกว่าแบงค์ชาติหรือ ธปท.นั่นเอง หลักเกณฑ์ทั่วไป ซึ่งเป็นหลักสำคัญ คร่าวๆ สำหรับผู้ที่ต้องการเป็นเจ้าของบัตรเครดิตนั้น ธนาคารแห่งประเทศไทย กำหนดไว้ว่า "ผู้ที่ถือบัตรเครดิตนั้นจะต้องมีรายได้จากแหล่งที่มาต่างๆ ไม่ต่ำกว่า 15,000.- ต่อเดือน (หนึ่งหมื่นห้าพันบาท) หรือว่า 180,000.- ต่อปี (หนึ่งแสนแปดหมื่นบาท)" ยกตัวอย่าง รายได้จากแหล่งที่มาต่างๆ เช่น อาชีพพนักงานขาย หากเงินเดือนไม่ถึงเกณฑ์ที่กำหนด (15,000.-) สามารถเอาค่าคอมมิชชั่นมารวมด้วยได้ แล้วสำหรับหลายๆ ท่านอาจจะไม่ใช่ผู้มีรายได้ประจำ ก็จะต้องอยู่ในหลักเกณฑ์ ดังต่อไปนี้
- มีเงินฝาก หรือหลักประกัน (ขึ้นอยู่กับแต่ละสถาบันการเงิน)
- มีเงินฝากประจำกับทางธนาคาร ไม่น้อยกว่า 500,000.- เป็นระยะเวลาไม่น้อยกว่า 6 เดือน แต่ถ้าท่านไม่ได้มีเงินฝากประจำกับทางธนาคาร ให้เอาเงินได้ดังต่อไปนี้
- เงินฝากออมทรัพย์+เงินลงทุนตราสารหนี้ประเภทต่างๆ หรือ เงินลงทุนในกองทุนต่างๆ รวมกันต้องไม่ต่ำกว่า 1,000,000.- เป็นระยะเวลาไม่น้อยกว่า 6 เดือน
หลักการง่ายๆโดยทั่วไป ของการสมัครบัตรเครดิต ธนาคารหรือสถาบันการเงินผู้ออกบัตรเครดิต ต้องการใน 3 เรื่องหลักๆ คือ
- เรื่องที่ 1. ใบสมัคร
- เรื่องที่ 2. สำเนาบัตรประชาชน สำหรับบุคคลธรรมดา ส่วนเจ้าของกิจการ ผู้ประกอบการ ใช้สำเนาใบทะเบียนพาณิชย์ หรือ หนังสือรับรองการจดทะเบียนนิติบุคคล
- เรื่องที่ 3. เอกสารแสดงรายได้ ได้แก่ เงินเดือน,รายได้,ค่าคอมมิชชั่น บางกรณีอาจใช้สเตทเม้นแบงค์ร่วมด้วย โดยปกติย้อนหลัง 6 เดือน (เป็นอย่างน้อย) เป็นต้น
"วงเงินอนุมัติบัตรเครดิต" หลายท่านคงนึกสงสัยเรื่องวงเงินในบัตรเครดิต ว่าแต่ละธนาคาร แต่ละสถาบันการเงินมีกฏเกณฑ์กำหนดไว้หรือไม่ ธนาคารหรือสถาบันการเงินผู้ออกบัตร จะสามารถพิจารณาวงเงินสูงสุดได้เท่าไหร่ คำตอบคือ ทางธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท) กำหนดไว้เลยว่า "สำหรับผู้ถือบัตรเครดิต ธนาคารจะให้วงเงินสูงสุดได้ไม่เกิน 5 เท่าของรายได้ต่อเดือนที่แสดงเข้ามา" ยกตัวอย่างเช่น ท่านยื่นแสดงรายได้ต่อเดือนที่ 20,000.- นั่นก็หมายความว่า ธนาคารสามารถอนุมัติวงเงินยอดบัตรเครดิตของท่านไม่เกิน 100,000.- เพราะฉะนั้นแล้ว หลายๆ ท่านที่สมัครบัตรเครดิต ใบสมัครจะต้องชัดเจน มีเอกสารแสดงรายได้ที่ชัดเจน แล้วถ้าท่านอยากได้วงเงินเยอะๆ ท่านก็ต้องยื่นเอกสารประกอบว่าท่านมีรายได้เยอะๆ เช่นกัน แล้วจะต้องเป็นความจริงด้วย ผมขอเพิ่มเติมรายละเอียดปลีกย่อยอื่นๆ ที่ทางธนาคารจะต้องใช้พิจารณาร่วมด้วย ซึ่งถือได้ว่าเป็นเคล็ดลับเพื่อให้ธนาคารอนุมัติบัตรเครดิตได้เร็วขึ้น เรื่องแรกก็คือ ท่านจะต้องมีประวัติการเงินที่ขาวสะอาด ก่อนที่เราจะสมัครบัตรเครดิต ธนาคารจะต้องให้เรากรอกเพื่อตรวจสอบข้อมูลเครดิตบูโร หากจะเปรียบเทียบเครดิตบูโรของเราก็คงเหมือนสมุดพกด้านการเงินของเรานั่นเอง ใครมีประวัติการเงินเป็นอย่างไร เครดิตบูโรมีบอกไว้ละเอียดยิบ เพิ่มเติมอีกอย่างสำหรับผู้ที่เคยมีปัญหาด้านการเงิน พูดง่ายก็คือเคยติดแบล็กลิสต์ เช่น เคยค้างชำระ แต่ภายหลังได้ดำเนินการชำระเรียบร้อยแล้ว อยากสมัครเพื่อขอมีบัตรเครดิต ระยะเวลาที่เหมาะสมที่สุดหลังจากท่านชำระหนี้เรียบร้อยแล้ว คือ 6 เดือนขึ้นไป จะมีโอกาสที่ทางธนาคารอนุมัติบัตรเครได้สูงขึ้น ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อแต่ละธนาคารด้วย ถ้าท่านทำให้ธนาคารมั่นใจได้ว่า มีรายได้เพียงพอ มีความสามารถในการชำระหนี้ ก็ไม่มีปัญหา เรื่องที่สองคือ จะต้องทำให้ธนาคารมีความเชื่อมั่นว่า ท่านมีความสามารถในการชำระหนี้ที่จะมีในอนาคตได้ ส่วนเรื่องสุดท้าย ต้องแสดงให้ธนาคารเห็นว่า ท่านมีรายได้ที่แน่นอน เคล็ดลับอีกอย่างที่หลายคนมักมองข้าม ทำให้พลาดโอกาสอนุมัติสินเชื่อบัตรเครดิตโดยง่าย นั่นคือ ที่อยู่ และเบอร์โทรศัพท์ที่สามารถติดต่อได้ ก็ต้องบอกว่ามีส่วนสำคัญเหมือนกัน เพราะว่าธนาคารให้บัตรเครดิตเราไป ต้องบอกว่าบัตรเครดิตคือสินเชื่อประเภทไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกันประเภทหนึ่ง ผู้ให้บริการบัตรเครดิตก็จะต้องมั่นใจว่า สามารถติดต่อเจ้าของบัตรได้ตลอด ในการสมัคร ถ้าท่านให้เอกสารชัดเจน ครบถวน มีที่อยู่ที่เป็นหลักแหล่ง มีเบอร์โทรศัพท์ที่สามารถติดต่อท่านได้ตลอด ไม่ว่าจะเป็น เบอร์บ้าน เบอร์มือถือส่วนตัว หรือแม้แต่เบอร์ที่ทำงาน โอกาสสมัครบัตรเครดิตให้ผ่านง่ายๆ ก็เป็นเรื่องไม่ไกลเกินเอื้อม สำหรับผู้ที่ไม่มีหรือกรอกไม่ครบ โอกาสจะได้รับอนุม้ติบัตรเครดิตจะยากขึ้น เช่นกัน
