"บัตรเครดิต คือ" + "แนะนำบัตรเครดิต"

"แนะนำบัตรเครดิต"

"บัตรเครดิต คือ" + "แนะนำบัตรเครดิต" ลด 50% เฉพาะผู้ที่ถือบัตรเครดิตXXX ... เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างที่ใครหลายๆ คนมักจะต้องผ่านตาเมื่อเดินผ่านห้างสรรพสินค้า หรือร้านขายสินค้าทั่วไป ไม่เว้นแม้แต่ปั้มเติมน้ำมันก็ตาม หลายคนคงต้องสงสัยแล้วว่าทำไมเราต้องใช้บัตรเครดิต และบัตรเครดิตคืออะไร มีไว้ทำอะไรได้บ้าง ทำไมเราไปช้อปปิ้งที่ไหน ก็มีแต่คนรูดบัตรเครดิต เดินตามห้างสรรพสินค้า และร้านค้าทั่วไป ก็จะมีโปรโมชั่นร่วมกับบัตรเครดิตเยอะแยะมากมาย ก็คงต้องบอกว่า ปัจจุบันนี้ บัตรเครดิตกำลังเป็นที่ต้องการ และได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก และในอนาคตก็คงจะต้องได้รับความนิยมมากขึ้นไปอีก เหตุเพราะมีความโดดเด่น เช่น ใช้ง่าย จ่ายคล่อง ห้างสรรพสินค้ามีโปรโมรชั่นอยู่เสมอ และมีคู่แข่งอยู่แทบทุกธนาคาร ก่อนที่เราจะลงในรายละเอียดมากกว่านี้ เรามาทำความรู้จักกับ "บัตรเครดิต" กันก่อนว่า บัตรเครดิตคืออะไร สิทธิประโยชน์ต่างๆ ข้อดีบัตรเครดิต ข้อเสียบัตรเครดิต และข้อแนะนำสำหรับผู้ใช้บัตรเครดิตกันก่อนนะครับ

บัตรเครดิต คือ
  1. บัตรเครดิต คือ บัตรอิเล็กทรอนิกส์ที่ผู้ออกบัตรได้แก่ธนาคารพาณิชย์ และผู้ประกอบการธุรกิจบัตรเครดิต ออกให้แก่ลูกค้าผู้ถือบัตร เพื่อใช้อำนวยความสะดวกในการซื้อสินค้าและบริการ โดยธนาคารเจ้าของบัตรจะสำรองเงินจ่ายให้กับร้านค้าไปก่อน และเรียกเก็บเงินจากลูกค้าผู้ถือบัตรในภายหลังพร้อมดอกเบี้ยตามที่ตกลงกัน
  2. บัตรเครดิต คือ บัตรที่ธนาคารพาณิชย์หรือผู้ประกอบธุรกิจบัตรเครดิตที่ไม่ใช่ธนาคารพาณิชย์ (Non-bank) ออกให้แก่ผู้ถือบัตรเพื่อ ...ใช้แทนเงินสด ในการชำระค่าสินค้าและบริการ เป็นการอำนวยความสะดวกในการซื้อสินค้าและบริการให้แก่ผู้ถือบัตร โดยลดการพกพาเงินสดจำนวนมาก ซึ่งเสี่ยงต่อการสูญหายหรือถูกโจรกรรม ...ใช้ถอนเงินสดจากเครื่อง ATM มาใช้ล่วงหน้า ผู้ถือบัตรสามารถเบิกเงินสดจากตู้ ATM มาใช้ก่อนล่วงหน้าได้
  3. บัตรเครดิต คือ บัตรที่เราได้รับวงเงินอนุมัติจากธนาคาร เหมือนเป็นการยืมจากธนาคารในการใช้รูดซื้อสินค้า ภายในวงเงินที่ได้รับอนุมัติ โดยไม่จำเป็นจะต้องมีเงินอยู่ในบัญชี หรือฝากไว้อยู่ในบัตรเลยก็ตาม แล้วจึงค่อยชำระเงินในภายหลังตามรอบบัญชีแต่ละเดือน พร้อมดอกเบี้ยตามที่ทางธนาคารเจ้าของบัตรกำหนดไว้

   สรุป บัตรเครดิต (Credit Card) คือ บัตรอิเล็กทรอนิกส์ที่ทางสถาบันการเงินต่างๆ ออกให้แก่ลูกค้า ภายใต้กรอบวงเงินที่จำกัดเป็นรายบุคคล เพื่อช่วยอำนวยความสะดวกในการซื้อสินค้า หรือบริการประเภทต่างๆ โดยมีหลักการทำงานคร่าวๆ คือ ธนาคารเจ้าของบัตรจะสำรองเงินจ่ายให้กับร้านค้าไปก่อน และเรียกเก็บเงินจากลูกค้าผู้ถือบัตรในภายหลังพร้อมดอกเบี้ยตามที่ตกลงกัน หากจะพูดแบบง่ายๆ ก็เป็นการยืมเงินมาจากธนาคารเพื่อชำระสินค้าก่อนในวงเงินที่ทางสถาบันการเงิน หรือธนาคารเจ้าของบัตรกำหนด แล้วจึงชำระคืนในภายหลัง ลักษณะทั่วไปของบัตรเครดิต เป็นบัตรพลาสติกที่บนบัตรมีข้อมูลของผู้ใช้บัตร เช่น ชื่อ สกุล เดือน ปีที่บัตรหมดอายุ หมายเลขบนบัตรเครดิต 16 หลัก เป็นต้น ในปัจจุบัน บัตรเครดิตสามารถใช้ได้ผ่านตู้ ATM ร้านค้าต่างๆ ธนาคาร และระบบอินเตอร์เน็ตอีกด้วย

บัตรเครดิต
มีคนอีกจำนวนไม่น้อย อาจนึกสงสัยว่า หมายเลข 16 หลัก บนหน้าบัตรเครดิต มันคืออะไรกันแน่ แม้แต่ตัวผมเองก็ยังเคยนึกสงสัยเช่นกัน แล้วมันมีวิธีสังเกตุ หรือ จะรู้ได้อย่างไรว่า บัตรอันไหนของธนาคารไหน บางครั้งอาจจะสงสัยเลยไปถึงเรื่อง การปลอมแปลงบัตรเครดิตกันเลย "บัตรเครดิต" บล็อก ถือโอกาสมาแนะนำ หมายเลข 16 หลัก บนหน้าบัตรเครดิต ว่ามันคืออะไร ก่อนอื่นเลยนะครับ ไอ้เจ้าบัตรเครดิตเนี่ย มันจะใช้ระบบหมายเลข ANSI Standard X4.13-1983 จำนวน 16 หลัก  โดยเลขหลักต่างๆ จะมีความหมายแตกต่างกันไป ดังนี้

  • หลักแรก คือ ผู้ให้บริการของบัตรเครดิตนั้นๆ

    -เลข 3 หมายถึง บัตรที่ใช้สำหรับท่องเที่ยว เช่น อเมริกันเอ็กซ์เพรส และไดเนอร์สคลับ เป็นต้น
    -เลข 4 หมายถึง บัตรเครดิตของผู้ให้บริการวีซ่า
    -เลข 5 หมายถึง บัตรเครดิตของผู้ให้บริการมาสเตอร์การ์ด
    -เลข 6 หมายถึง บัตรเครดิตท่องเที่ยว

  • หมายเลขหลักที่เหลือ (หลักที่ 2-16) จะมีโครงสร้างหมายเลขที่แตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับผู้ให้บริการของบัตรเครดิตนั้นๆ มีรายละเอียดดังนี้

   -อเมริกันเอ็กซ์เพรส หมายเลขหลักที่ 3 และ 4 จะบอกถึงระดับชั้นของบัตร และสกุลเงินที่ผู้ถือบัตรมีบัญชีอยู่ เลขหลักที่ 5-11 หมายถึง เลขบัญชี ตัวเลขหลักที่ 12-14 คือ เลขที่บัตรในบัญชีนั้นๆ และตัวเลขหลักที่ 15 เป็นตัวเลขตรวจสอบ
   -วีซ่า หลักที่ 2-6 เป็นเลขแสดงธนาคารผู้ออกบัตร ตัวเลขหลักที่ 7-12 หรือ 7-15 เป็นเลขที่บัญชีของผู้ถือบัตร หลักที่ 13 หรือ 16 เป็นเลขที่ตรวจสอบ
   -มาสเตอร์การ์ด หลักที่ 2-3, 2-4, 2-5, 2-6 เป็นเลขแสดงธนาคารผู้ออกบัตร ซึ่งจะเป็นกี่หลักนั้นจะแบ่งประเภทและอ้างอิงโดยขึ้นอยู่กับหลักที่สอง ว่าเป็นเลข 1, 2, 3 หรืออื่นๆ เลขหลักต่อจากรหัสธนาคารถึงหลักที่ 15 เป็นเลขที่บัญชีของผู้ถือบัตร และหลักที่ 16 เป็นเลขที่ตรวจสอบ

สิทธิประโยชน์ต่างๆ และข้อดีบัตรเครดิต

  • เราสามารถใช้บัตรเครดิตในการชำระค่าสินค้าและบริการแทนเงินสด
  • เราไม่ต้องพกเงินสดติดตัวจำนวนมาก ซึ่งเสี่ยงต่อการสูญหายและถูกโจรกรรม
  • เรามีแหล่งกู้เงินมาใช้จ่ายก่อนฟรี ๆ (ใช้บัตรเครดิตจ่าย) โดยไม่เสียดอกเบี้ย ในกรณีที่เราชำระเงินเต็มจำนวนในช่วงระยะเวลาปลอดดอกเบี้ย หากจ่ายช้าหรือจ่ายขั้นต่ำก็ต้องเสียดอกเบี้ย
  • ได้รับสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ จากรายการส่งเสริมการขายของร้านค้าที่ร่วมรายการตัวอย่างเช่น ส่วนลดการซื้อสินค้า คะแนนสะสมแลกของรางวัล,หรือสะสมคะแนนแลกตั๋วเครื่องบินฟรี เป็นต้น
  • ได้รับสินค้าก่อน และชำระเงินภายหลัง แต่ต้องชำระเต็มจำนวน และตรงกับวันที่กำหนดไว้ในใบแจ้งยอดรายการ บัตรเครดิต ไม่เช่นนั้นจะมีภาระในการจ่ายดอกเบี้ยและค่าบริการต่าง ๆ ให้แก่ผู้ออกบัตร
  • หากอยากได้สินค้าชิ้นใดก็สามารถซื้อมาเป็นเจ้าของได้ทันที และยังมีโอกาสนำเงินไปลงทุน หรือเก็งกำไรต่อไปได้
  • สามารถหักค่าใช้จ่ายต่างๆ ตามรอบบิลได้ทันที ได้แก่ ค่าโทรศัพท์, ค่าน้ำ, ค่าไฟ หรือค่าอินเทอร์เน็ต ฯลฯ เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่ค่อยมีเวลาไปชำระค่าบิลต่างๆ เหล่านี้ได้ดีมากๆ
  • ได้รับส่วนลดในการใช้ซื้อสินค้าต่างๆ และยังสามารถสะสมเป็นคะแนนในบัตรเพื่อนำไปใช้ซื้อสินค้าหรือแลกของต่างๆ ในภายหลังได้
  • กดเงินสดๆได้จากตู้ Atm ได้เช่นเดียวกัน แต่ทั้งนี้จะต้องเสียค่าธรรมเนียมและดอกเบี้ย (ควรคิดก่อนจะกดเงินสด)

ข้อเสียบัตรเครดิต

  • หากเราไม่ควบคุมการใช้จ่ายให้ดี อาจทำให้เราใช้จ่ายเกินตัวได้
  • หากเราไม่สามารถชำระเงินได้เต็มจำนวน หรือชำระได้เพียงแค่ขั้นต่ำจะทำให้เสียดอกเบี้ย
  • หากเราผิดนัดชำระ จะทำให้เราเสียดอกเบี้ยเพิ่มในวงเงินที่สูงขึ้น
  • หากเรามีบัตรเครดิตหลายใบและใช้จ่ายจนเต็มวงเงินจนไม่สามารถชำระหนี้ได้ทัน ก็อาจจะทำให้เราตกอยู่ในวังวนหนี้สินได้
  • ทำให้บางครั้งเกิดการใช้จ่ายเกินตัว หรือใช้จ่ายแบบไม่ทันคิด เนื่องจากความสะดวกในการใช้จ่าย
  • สร้างความเคยตัวในการใช้เงิน เพิ่มความฟุ่มเฟือยในชีวิตประจำวัน
  • ทำให้กลายเป็นคนมีหนี้สินเพิ่ม และเกิดความกังวลใจในการชำระหนี้คืนภายหลัง

ข้อแนะนำสำหรับผู้ใช้บัตรเครดิต

  • ให้ลองคิดคำนวณจากราคาสินค้าที่เราต้องการซื้อ กับจำนวนเงินที่ต้องจ่ายออกมาเป็นตัวเลขคร่าวๆ ว่าเราสามารถผ่อนได้ตลอดจนครบจำนวนหรือไม่
  • ก่อนเลือกซื้อของสิ่งใดให้ลองคิดคำนวณดูถึงความคุ้มค่าคุ้มราคา ว่าเราจะได้ใช้ประโยชน์จากสินค้านั้นๆ ได้เต็มที่หรือไม่ และคุ้มค่าเพียงใดกับจำนวนเงินที่เสียไป
  • หากต้องการใช้บัตรเครดิตในการซื้อสินค้าออนไลน์ ควรดูถึงผู้ประกอบการนั้นๆ ว่ามีความน่าเชื่อถือเพียงใด
  • ไม่ส่งข้อมูลในบัตรเครดิตผ่านทางอีเมล เพื่อไม่ให้เกิดการโจรกรรมข้อมูล
  • ระมัดระวังอย่าทำบัตรหาย หากหายให้รีบโทรไปทำการอายัดทันที ไม่อย่างนั้นอาจโดนผู้อื่นสวมรอยนำบัตรไปรูดจนเราต้องกลายเป็นหนี้โดยไม่รู้ตัว
  • ต้องอ่านเงื่อนไขการใช้ของบัตรให้ชัดเจน รวมทั้งโปรโมชั่นต่างๆ ว่ามีการเปลี่ยนแปลงหรือไม่
  • อย่าทิ้ง Sales Slip ตรวจสอบใบแจ้งหนี้ยอดการใช้จ่ายเสมอ ในการใช้บัตรเครดิตชำระค่าสินค้าและบริการ เราจะได้รับ Sales Slip จากร้านค้า ก่อนที่เราจะเซ็นชื่อลงในใบเสร็จให้เราตรวจสอบค่าใช้จ่ายให้ถูกต้องเสียก่อน และเก็บ Slip นั้นไว้ให้ดีอย่าเอาไปทิ้งหรือทำหาย เพราะเมื่อถึงตอนสิ้นเดือนจะมีใบแจ้งหนี้ยอดค่าใช้จ่ายจากเจ้าของบัตรส่งมาให้เรา เราต้องทำการตรวจสอบยอดค่าใช้จ่ายว่าถูกต้องกับ Sales Slip ที่เรามีหรือไม่ หากมีรายการไหนที่แปลกไปหรือเป็นรายการที่เราสงสัย ให้สอบถามไปยังผู้ออกบัตรทันที โดยปกติแล้วจะมีเบอร์โทรศัพท์ปรากฏอยู่บนบัตรและใบแจ้งยอดค่าใช้จ่ายที่ส่งมาให้ หากเราละเลยไม่ตรวจสอบและเลยกำหนดเวลาที่ทางผู้ออกบัตรกำหนดไว้ จะถือว่าเราได้ยอมรับความถูกต้องของใบแจ้งยอดค่าใช้จ่ายนั้นแล้วโดยอัตโนมัติ

บัตรเครดิตแนะนำ
    เงินทุกบาทนั้นมีค่านะครับ การใช้จ่ายนั้นแนะนำว่าคิดให้ดี บัตรเครดิตนั้นมันสะดวกในการใช้จ่ายก็จริงนะครับ แต่อย่าลืมว่ามันไม่ฟรีนะแถมยังต้องเสียค่าดอกเบี้ยด้วย ก็อย่าใช้จ่ายจนเกินกำลังของเรานะครับ หากเราจะใช้บัตรนี้เราจะต้องมั่นใจว่า เราสามารถชำระได้ ไม่เดือดร้อน และที่สำคัญหากเราชำระหนี้บัตรของเราได้ตรงเวลานั้น เราจะไม่เสียดอกเบี้ย การใช้บัตรเครดิตอย่างไม่ถูกต้อง ไม่มีความยั้งคิด ใช้จ่ายจนเกินตัว ก็จะทำให้เจ้าบัตรเครดิตกลายเป็นโซ่ตรวนที่มัดไว้กับสิ่งที่เรียกว่าหนี้สิน จนยากที่จะสลัดให้หลุดพ้นไปได้ ข้อควรระวังอย่างมากในการใช้บัตรเครดิตคือ ดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมในการเบิกใช้เงินสดในอัตราที่ค่อนข้างสูง บัตรเครดิตนี้จะมีประโยชน์มากก็จริง หากว่าใช้มันเหมาะสมกับเวลา และโอกาส อย่าลืมว่าหากใช้บัตรเครดิตแบบไม่ยั้งคิดแล้วละก็ หนี้สินต่างๆจะตามมาไม่รู้ตัวนะครับ แต่หากใช้ให้เป็นประโยชน์นำมาต่อยอดในเชิงธุรกิจที่เราถนัดแล้วละก็ ความสุขและความเจริญก็จะตามเรามาไม่รู้ตัวเช่นกันนะครับ ย้ำแล้วก็ย้ำอีก บัตรเครดิตไม่ใช่เงินที่ได้มาฟรีๆ เพราะจะมีค่าธรรมเนียม และดอกเบี้ย ตามมาด้วย จงใช้จ่ายตามกำลังซื้อที่มีและมั่นใจว่าคุณสามารถชำระคืนได้ในภายหลัง อย่าใช้จ่ายเกินตัว เมื่อคุณชำระยอดใช้จ่ายตรงตามเวลาที่กำหนดแน่นอนว่าคุณก็จะไม่ต้องเสียค่าดอกเบี้ย เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงที่อยู่ กรุณาแจ้งธนาคารหรือบริษัทที่ออกบัตรเครดิตในทันที เพื่อที่ทางผู้ออกบัตรจะสามารถส่งใบแจ้งยอดค่าใช้จ่ายไปให้ได้ถูกต้องเพื่อที่ผู้ถือบัตร จะไม่ต้องจ่ายค่าธรรมเนียมเนื่องจากชำระเงินช้ากว่ากำหนด ตรวจสอบใบแจ้งยอดใช้จ่ายทุกครั้ง หากมีข้อสงสัยใดๆ คุณสามารถโทรศัพท์ไปสอบถามทางผู้ออกบัตรได้ทันที โดยเบอร์โทรศัพท์จะปรากฏอยู่บนบัตร และใบแจ้งยอดใช้จ่ายของคุณ ดังนั้น "บัตรเครดิต" บล็อก จึงอยากให้ทุกท่านตระให้หนักให้มากถึงการใช้บัตรเครดิตอย่างระมัดระวัง ตามความจำเป็น เพื่อประโยชน์ในการรับส่วนลด โปรโมชั่น ต่างๆ และชำระเงินทั้งจำนวนตามกำหนด เพื่อจะได้รับส่วนลดนั้นๆ และไม่ต้องเสียดอกเบี้ย ... ขอบคุณครับ