"3รู้...สอนลูก" สร้างนิสัยการใช้เงิน โตขึ้นไม่รับประกันความรวย แต่ไม่เป็นหนี้ แน่นอน!

"3รู้...สอนลูก" เกี่ยวกับเรื่องเงิน

"3รู้...สอนลูก" สร้างนิสัยการใช้เงิน โตขึ้นไม่รับประกันความรวย แต่ไม่เป็นหนี้ แน่นอน! ... ผมเคยได้สอบถามเพื่อนๆ ที่มีเชื้อสายชาวจีนเกี่ยวกับเรื่องเงิน การใช้ชีวิต เช่น บริหารจัดการเรื่องการเงินอย่างไร คำตอบไม่ค่อยชัดเจนนัก แต่สามารถสรุปได้ว่า ในทุกวันจะต้องใช้เงินให้น้อยกว่าที่หามาได้ ถ้าทำได้ นั่นหมายความว่า แต่ละวันจะต้องมีเงินเหลือเก็บ และจะต้องรู้จักสอนลูก สอนหลานให้รู้จักคุณค่าของเงิน เมื่อมีเงินแล้วก็จะต้องรู้จักเผื่อแผ่ไปยังญาติ พี่น้อง ของตน เป็นต้น และเพราะเหตุเหล่านี้ เวลาคนจีนร่ำรวย จึงมักจะร่ำรวยทั้งตระกูล ไม่ได้ร่ำรวยคนเดียว ไม่ได้มั่งมีคนเดียว สาระสำคัญเรื่องนี้มีสองเรื่อง คือ ต้องรู้จักใช้ รู้จักเก็บ รู้จักหา และต้องสอนลูกหลานให้เห็นคุณค่าของเงิน มันจะทำให้เราจะใช้จ่ายอะไรแต่ละอย่าง เกิดอาการคิดก่อนจ่ายทุกครั้ง และจะจ่ายด้วยความระมัดระวัง เรื่องนี้สามารถนำมาปรับใช้กับชีวิตประจำวันของเราได้ โดยเฉพาะการสอนลูกให้รู้จักการใช้เงินตั้งแต่ยังเด็ก จะทำให้เด็กรู้คุณค่าของเงิน รักนิสัยการออม เป็นต้น คำกล่าวที่ว่า ลูกมากจะยากจน หากคิดให้ดีๆ แล้วล่ะก็ สาเหตุหลักๆ ที่ทำให้ต้องยากจน หรือค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวกับลูก ไม่พอ กลายเป็นภาระด้านการเงินให้พ่อแม่นั้น อยู่ที่วิธีการเลี้ยงดูลูกของพ่อแม่นั่นเอง หากเลี้ยงลูกถูกวิธี ก็อาจทำให้ประสบปัญหาด้านการเงินเลยก็เป็นได้ มีคำแนะนำที่จะช่วยให้พ่อแม่สามารถเลี้ยงดูลูกได้อย่างสบายๆ และสร้างนิสัยด้านการเงินตั้งแต่ลูกยังเด็กมาฝากกัน ถ้าทำตามนี้ อนาคตข้างหน้าถึงไม่ร่ำรวย แต่ก็ไม่เป็นหนี้แน่นอนครับ...

   1.สอนให้รู้จักใช้เงิน ;  พ่อแม่ควรฝึกให้ลูกรู้จักบริหารเงินด้วยตัวเอง โดยกำหนดเงินค่าขนมเป็นรายสัปดาห์ หรือรายเดือน เป็นการฝึกให้ลูกมีความรับผิดชอบในการใช้จ่ายเงิน รู้จักประเมินการใช้เงินที่ได้รับให้เพียงพอตามระยะเวลาที่ตกลงกันไว้ เช่น ให้เงินลูกเป็นรายสัปดาห์ สัปดาห์ละ 200 บาท นั่นหมายความว่า ลูกไม่ควรใช้จ่ายเกินวันละ 40 บาท แล้วหากวันใดใช้เกิน ก็จะทำให้วันเหลือใช้เงินได้น้อยลง นอกจากนี้ พ่อแม่ควรมีข้อตกลงกับลูกว่า จะไม่มีการให้เงินเพิ่มหากลูกใช้เงินหมดก่อนครบสัปดาห์ หรือครบเดือนตามที่ตกลงกันไว้ เพราะหากพ่อแม่ให้เงินแก่ลูกเพิ่มทุกครั้งที่ลูกขอเงิน การปลูกฝังเรื่องการใช้จ่ายเงินให้กับลูกจะเป็นไม่ผลสำเร็จ นอกจากนี้ พ่อแม่ยังควรปลูกฝังลูกเรื่องของการซื้อของแต่ละครั้งว่าไม่ใช่ดูที่ความสวย หรือเป็นของแบรนด์หรู แต่ควรดูที่คุณภาพและประโยชน์ใช้สอยเป็นอันดับแรก
   2.สอนให้รู้จักออมเงิน ;  เวลาที่ลูกอยากได้สิ่งของใดๆ พ่อแม่ส่วนใหญ่มักจะตามใจลูก ซื้อของให้ลูกตามที่ลูกต้องการ ซึ่งการตามใจลูกเช่นนี้ เท่ากับเป็นการปลูกฝังนิสัยช่างขอและเรียกร้องไม่รู้จบ เมื่ออยากได้อะไร พ่อแม่ก็จัดหามาให้ ซึ่งเป็นการทำร้ายลูกในระยะยาว ดังนั้น พ่อแม่ต้องไม่ตามใจลูกมากเกินไป เมื่อลูกอยากได้สิ่งของใดๆ ก็ตาม เช่น คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กราคา 20,000 บาท พ่อแม่อาจใช้หลักจ่ายคนละครึ่งกับลูก เพื่อฝึกให้ลูกเก็บออมเงิน และเรียนรู้ว่าหากต้องการได้สิ่งของใดๆ มิใช่ร้องขอจากพ่อแม่ทั้งหมด รวมถึงเมื่อทำแบบนี้แล้ว ลูกจะยิ่งเห็นคุณค่าของสิ่งที่ได้มาจากเงินออมของตนเอง
   3.สอนให้รู้จักหาเงิน ;  เมื่อลูกเริ่มเข้าเรียนระดับมัธยมปลาย หรือระดับมหาวิทยาลัย ซึ่งลูกเริ่มมีความเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น พ่อแม่อาจสนับสนุนให้ลูกทำงานพิเศษช่วงปิดเทอม เช่น เป็นพนักงานในร้านอาหารฟาสต์ฟู้ด หรือรับจ้างสอนพิเศษ หากลูกเป็นผู้ที่มีความคิดสร้างสรรค์ ชอบทำของน่ารักกระจุกกระจิก อาจแนะนำให้ลูกทำของออกมาขายเป็นสินค้าทำมือ เช่น กิ๊บติดผมน่ารักๆ ซองใส่มือถือเก๋ๆ รวมถึงสามารถใช้สื่อออนไลน์เป็นช่องทางในการขายของได้ ทั้งนี้ พ่อแม่ไม่ควรบังคับให้ลูกไปทำงานพิเศษ เพราะอาจทำให้ลูกรู้สึกต่อต้าน หรือไม่มีความสุขในการทำงาน แต่ควรสอนหรือแนะนำข้อดีของการทำงานว่าลูกจะได้อะไรตอบแทนจากการไปทำงานพิเศษ หรือการทำของน่ารักๆ ขาย เป็นต้น ซึ่งการทำงานพิเศษถือเป็นบทเรียนสำคัญในการสอนลูกให้มีความรับผิดชอบ ใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ รวมถึงเป็นการสร้างรายได้เสริมให้กับตัวเองอีกด้วย
      ทั้งนี้ หากพ่อแม่มีการปลูกฝังให้ลูกรู้จักบริหารเงินด้วยตนเองตั้งแต่ยังเล็ก จะช่วยให้มั่นใจได้ว่า เราได้สร้างภูมิคุ้มกันที่ดีให้กับลูกของเราแล้ว เพราะเราได้สอนให้ลูกรู้จักใช้เงิน สอนให้ลูกรู้จักออมเงิน และสอนให้ลูกรู้จักหาเงิน และสิ่งเหล่านี้จะติดตัวลูกไปจนเติบโตเป็นผู้ใหญ่ในอนาคต ไม่ต้องหวังเรื่องความร่ำรวย แต่ถ้าทำได้เรื่องเป็นหนี้ คงไม่มีทางเข้าใกล้ลูกคุณอย่างแน่นอน... บัตรเครดิตบล็อก