ค่าธรรมเนียมรักษาบัญชี

ค่าธรรมเนียมรักษาบัญชีล่าสุด
ค่าธรรมเนียมรักษาบัญชี !!! คุณมีบัญชีเงินฝากที่ไม่เคลือนไหว เพราะว่าไม่ได้มีดำเนินธุรกรรมการเงิน เช่น ไม่ได้ฝาก ไม่ได้ถอน หรือ โอนเงิน นานเกินกว่าที่ธนาคารกำหนดบ้างไหม ถ้ามี ธนาคารมักจะเรียกเก็บ ค่าธรรมเนียมรักษาบัญชี โดยจะต้องมีหนังสือแจ้งเตือน ล่วงหน้า 30 วัน ก่อนจะเริ่มหักค่าธรรมเนียม เมื่อได้รับหนังสือนี้ คุณก็ควรรีบไปเดินบัญชี ด้วยการฝาก ถอน หรือโอน และถ้ามีบัญชีที่ไม่ค่อยได้ใช้แล้วก็ควรปิดบัญชีไปเลย สิ่งที่ควรทำอีกอย่างคือ แจ้งธนาคารทุกครั้งที่มีการย้ายหรือเปลี่ยนแปลงที่อยู่ เพื่อช่วยให้เราไม่พลาดการติดต่อจากทางธนาคาร สำหรับรายละเอียดเกี่ยวกับข้อมูลค่าธรรมเนียม อัตราดอกเบี้ย รวมถึงเงื่อนไขของสถาบันการเงิน ต่างๆนั้น ดูได้จากเวปไซต์ของ "บัตรเครดิต" บล็อก ซึ่งจะอัพเดทให้ทุกท่านได้รับทราบอยู่เป็นประจำ หรืออีกหนึ่งช่องทางคือ หน้าเวปไซต์ของสถาบันการเงินนั้น หรือ จากสำนักงานสาขาของสถาบันการเงินนั้นๆ ก็ได้ 

อัตราดอกเบี้ยบัตรเครดิต

อัตราดอกเบี้ยบัตรเครดิตล่าสุด
อัตราดอกเบี้ยบัตรเครดิต *** "บัตรเครดิตที่คุณใช้อยู่ คิดอัตราดอกเบี้ยยังไง" ผมเคยถามคนรู้จักคนหนึ่ง คำตอบที่ได้มันทำให้ผมอยากรู้ว่า จริงๆ แล้ว "อัตราดอกเบี้ยบัตรเครดิต" มันยังไงกันแน่ และแต่ละธนาคาร แต่ละสถาบันการเงินคิดเหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร แน่นอนก่อนจะหาคำตอบที่เป็นหลักฐาน ผมก็คิดไว้อยู่แล้วว่า ย่อมมีบางธนาคารที่คิดอัตราเหมือนกัน แต่จะต้องมีรายละเอียดปลีกย่อยที่ไม่เหมือนกัน และย่อมมีบางธนาคารที่คิดไม่เหมือนกันเลย และสำหรับผม "อัตราดอกเบี้ยบัตรเครดิต" มันคือปัจจัยสำคัญอย่างยิ่งปัจจัยหนึ่ง สำหรับผู้ที่ต้องการสมัครบัตรเครดิตเลยก็ว่าได้ เพราะว่าทันที่ที่คุณเป็นเจ้าของบัตรเครดิต คุณคงหนีไม่พ้น ค่าธรรมเนียมแรกเข้าบัตรเครดิต ค่าธรรมเนียมรายปีบัตรเครดิต แล้วเมื่อคุณใช้ไปสักพัก หากคุณขาดการชำระหนี้บัตรเครดิต หรือชำระไม่ตรงเวลา คุณก็จะเจอ ค่าธรรมเนียมติดตามทวงถามหนี้บัตรเครดิต ค่าธรรมเนียมต่างๆ เหล่านี้ สำหรับผู้ที่ต้องการสมัครบัตรเครดิตควรจะต้องรู้ไว้บ้าง ทั้งหมดนี้ที่กล่าวมา หากคุณอยากทราบรายละเอียด คุณไม่ต้องไปค้นหาจากในกูเกิลอีกแล้วครับ เพราะ "บัตรเครดิต" บล็อก เราได้รวบรวม "อัตราดอกเบี้ยบัตรเครดิต" รวมถึง อัตราค่าธรรมเนียมติดตามทวงถามหนี้บัตรเครดิต และหนี้อื่นๆ ไว้ทั้งหมดแล้ว (ข้อมูลจาก ธนาคารแห่งประเทศไทย และเราได้ตรวจสอบและยืนยันได้ว่านี่เป็นข้อมูลล่าสุดแล้ว : เมษายน 2559) จากรูปอ่าจจะไม่ชัด หรือมีข้อมูลธนาคารไม่ครบ คุณสามารถเช็คดูข้อมูลที่ครบถ้วนจากลิงค์ด้านล่างนี้ได้เลยนะครับ ...

"ชำระบัตรเครดิตอย่างไร" ไม่เสียดอกเบี้ย (หรือเสียให้น้อยที่สุด)


"ชำระบัตรเครดิตอย่างไร" ไม่เสียดอกเบี้ย (หรือเสียให้น้อยที่สุด)
     ปัจจุบันนี้ ผมเชื่อว่า น้อยคนนักที่จะไม่มีบัตรเครดิตอยู่ในครอบครอง ซึ่งจริงๆ แล้ว การมีไว้ก็ไม่เสียหาย และถ้าหากมีเหตุต้องใช้ฉุกเฉิน บัตรเครดิตก็คือตัวเลือกซึ่งถือได้ว่าเป็นทางออกที่ดีที่สุด (ในขณะนั้น) แต่ของทุกอย่างล้วนมีคุณและมีโทษ ไม่เว้นแม้กระทั่งบัตรเครดิตก็ตาม ฉะนั้นแล้ว ก่อนกดบัตรเครดิต คุณควรพิจารณาถึงความคุ้มค่าของสิ่งของนั้นๆ ให้ดี ว่ามีความจำเป็นแค่ไหน แล้วเมื่อเรารูดบัตรเครดิตไปแล้ว คุณก็ต้องรับภาระชำระหนี้บัตรเครดิตอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ วันนี้ "บัตรเครดิต" บล็อก ขอแนะนำ "ชำระบัตรเครดิตอย่างไร" ไม่เสียดอกเบี้ย (หรือเสียให้น้อยที่สุด) คุณทราบไหมครับว่า หากคุณเลือกชำระหนี้บัตรเครดิตแบบจ่ายแบบขั้นต่ำ ผลจะเป็นเช่นไร คำตอบก็คือ คุณจะต้องตกอยู่ในวังวนของการจ่ายหนี้เป็นระยะเวลายาวนานครับ เช่น หากคุณรูดบัตรซื้อของไป 75,000 บาท และไม่ซื้ออะไรเพิ่มอีกเลย โดยเลือกชำระหนี้เท่ายอดคงค้างขั้นต่ำ 10% ไปเรื่อยๆ คุณจะต้องใช้เวลาชำระหนี้นานถึง 43 งวด หรือเกือบ 4 ปี ถึงจะปลดหนี้ก่อนนี้ได้ ดังนั้น หากไม่มีความจำเป็นก็ควรชำระเงินให้ตรงเวลา และเต็มจำนวน หรืออย่างน้อยชำระให้ได้มากที่สุด เท่าที่จะทำได้ จะดีกว่าครับ จะได้ปลดหนี้ได้เร็ว และไม่เสียดอกเบี้ยเลย หรือไม่เสียมากเกินความจำเป็นอีกด้วย บัตรเครดิตจะเป็นมิตร เมื่อรู้จักใช้ แต่จะเป็นภัย เมื่อใช้จ่ายเกินตัวนะครับ

สลิปบัตรเครดิต-บัตรเอทีเอ็ม อย่าแค่ขยำ ไม่เช่นนั้นเงินท่านอาจหายไปจากบัญชีก็ได้

เตือนภัยบัตรเครดิต (สลิปบัตรเครดิต)

สลิปบัตรเครดิต-บัตรเอทีเอ็ม อย่าแค่ขยำ ไม่เช่นนั้นเงินท่านอาจหายไปจากบัญชีก็ได้ ... เรื่องราวเกี่ยวกับแค่สลิปบัตรเครดิต-บัตรเอทีเอ็ม ที่ผมคิดว่าหลายๆ คนคงมองข้าม กด...รับเงิน...ขยำสลิปทิ้งไป คงต้องบอกว่า เมื่อประมาณสองปีก่อน เรียกได้ว่า เป็นข่าวค่อนข้างใหญ่โตไม่น้อย เนื่องจากกลุ่มมิจฉาชีพได้ใช้สลิปแล้วขโมยเงินไปจากบัญชีได้ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องใช้เวลาพอสมควรจึงสามารถตามจับกุมได้บางคน (มีบางคนที่ยังไม่ถูกจับกุมนะครับ) สำหรับวิธีการขโมยเงินนั้น เหล่ามิจฉาชีพ จะตระเวนเก็บสลิปจากหน้าตู้เอทีเอ็มต่างๆ โดยจะดูว่าสลิปใบใดมีเงินเหลืออยู่ในบัญชีจำนวนมาก เมื่อได้มาแล้วจะนำเลขบัญชีที่อยู่ตรงสลิปไปค้นหาเจ้าของบัญชี ผ่านระบบการทำธุรกรรมทางการเงินผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต หรือที่เรียกว่า "อี-แบงกิ้ง" เมื่อได้ข้อมูลมาแล้วจะไปขอข้อมูลทะเบียนราษฎรจากเจ้าหน้าที่ปกครอง ซึ่งจะทำให้ทราบข้อมูลที่นำมาใช้ในการทำธุรกรรมทางการเงินกับธนาคารสำคัญๆ เช่น ที่อยู่ วัน เดือน ปี เกิด รวมถึงหมายเลขบัตรประชาชน ของเจ้าของบัญชีเงินฝากที่เป็นเป้าหมาย เป็นต้น สำหรับวิธีการไปติดต่อกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง คนร้ายจะปลอมบัตรประจำตัวข้าราชการ โดยแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่บ้าง เป็นนายตำรวจบ้าง ขณะไปติดต่อเจ้าหน้าที่ทะเบียนราษฎร จะแต่งเครื่องแบบข้าราชการ และอ้างเหตุผลกับเจ้าหน้าที่ว่า

สงกรานต์-ปีใหม่ เทศกาลไหนๆ "บัตรเครดิต" ใช้อย่างไร จึงจะปลอดภัยและคุ้มค่าที่สุด

สงกรานต์-ปีใหม่ เทศกาลไหนๆ "บัตรเครดิต" ใช้อย่างไร จึงจะปลอดภัยและคุ้มค่าที่สุด
       ในช่วงเทศกาล ไม่ว่าจะเป็น ปีใหม่ สงกรานต์ ตรุษจีน หรือช่วงวันหยุดต่อเนื่องหลายวัน ผู้คนมักจะออกเดินทางท่องเที่ยวบ้าง กลับบ้านต่างจังหวัดบ้าง และในช่วงนี้เอง ทางธนาคารต่างๆ จะต้องนำเงินเข้าตู้เอทีเอ็มไว้เป็นจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นเขตชุมชน หรือตู้เอทีเอ็มที่ผู้คนมักไม่ค่อยได้ใช้บริการก็ตาม แต่ไม่ว่าทุกธนาคารจะเตรียมพร้อมไว้แค่ไหน เนื่องจากผู้คนมีจำนวนมาก ทำให้ช่วงเทศกาลเงินในตู้เอทีเอ็ม เรียกได้ว่า ไม่เพียงพอต่อผู้ใช้บริการเลย ทางออกสำหรับผู้คนทั่วไปก็คือ ใช้บริการบัตรเครดิตร่วมด้วย คือ อาจจะกดเงินสดมาไว้ใช้จ่ายบางส่วน และบางส่วนใช้จากบัตรเครดิต เช่น เติมน้ำมันในระหว่างเดินทาง เป็นต้น คงต้องบอกว่า มิจฉาชีพอาศัยช่วงชุลมุนช่วงเทศกาลนี้ อาจจะก่อเหตุเกี่ยวกับบัตรเครดิตก็ได้ เพราะคนเราบางครั้งก็คงมีการสะเพร่า เผลอเรอ เนื่องจากรีบร้อน ไม่ระมัดระวัง ด้วยเหตุนี้ "บัตรเครดิต" บล็อก มีข้อแนะนำ และข้อเตือนภัยเกี่ยวกับบัตรเครดิตมาฝากกันนะครับ ​​​​​​​สำหรับ บัตรเครดิต บัตรเดบิต บัตรกดเงินต่าง ๆ เป็นบัตรที่อำนวยความสะดวกในการทำธุรกรรมทางการเงินของเจ้าของบัตร เช่น ถอนเงิน โอนเงิน ชำระเงิน ซึ่งบัตรเหล่านี้จะบันทึกข้อมูลส่วนตัวและข้อมูลทางการเงินของเจ้าของบัตรไว้ หากมิจฉาชีพเข้าถึงข้อมูลเหล่านี้ได้จากการขโมยบัตรหรือขโมยข้อมูลในบัตร มิจฉาชีพก็จะสามารถนำข้อมูลเหล่านี้ไปปลอมเป็นเจ้าของบัตรทำธุรกรรมทางการเงินต่าง ๆ ไม่ว่าจะถอนเงินออกจากบัญชี หรือใช้วงเงินสินเชื่อของเหยื่อที่เป็นเจ้าของบัตร




กยศ.เตรียมเข้าเครดิตบูโร ลูกหนี้ไม่จ่าย มีสิทธิ์ติดแบล็คลิส

แบล็คลิส กยศ.

ไม่จ่าย...บัตรเครดิต,รถ,บ้าน...และล่าสุด กยศ. มีสิทธิ์ติดแบล็คลิส (เครดิตบูโร) ได้เหมือนกัน เพราะตั้งแต่ปี 61 กยศ. หรือ กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา จะนำรายชื่อผู้กู้ยืมที่ค้างชำระตั้งแต่ปี 39  จนถึงปัจจุบัน  เข้าสู่ระบบข้อมูลเครดิตแห่งชาติ หรือที่เรารู้จักกันดีว่า "เครดิตบูโร" ก็ขอเตือนไว้สำหรับน้องๆ ที่กำลังคิดจะไปกู้เงินกับ กยศ. หากผ่อนชำระไม่ไหว อนาคตหากอยากมีบ้านมีรถ แล้วติดเครดิตบูโรคงไม่ดีแน่ๆ 
    จากกรณีที่ลูกหนี้ กยศ. กู้เงินมาเรียน ถึงเวลาจบแล้ว มีงานทำ แต่ไม่ยอมไปผ่อนชำระคืน ซึ่งถ้าหากผ่อนไม่ไหว ทาง กยศ. เองก็แนะนำให้ไปเจรจา เพื่อหาทางออกร่วมกัน แต่สุดท้ายผู้กู้ก็เงียบหายไปเฉยๆ ซึ่งขณะนี้ก็ได้มีปัญหาเกิดขึ้นแล้ว จากกรณีที่ลูกหนี้ กยศ. ไม่ยอมชำระหนี้ และทาง กยศ. ไม่สามารถติดตามหนี้ผู้กู้ที่ค้างชำระ เพราะไม่รู้ว่าผู้กู้ยืม เรียนจบแล้วไปทำงานที่ไหน และไม่ทราบที่อยู่ปัจจุบัน บางคนก็เปลี่ยนที่อยู่แล้วไม่ได้แจ้งให้ กยศ. ทราบ สรุปง่ายๆ ก็คือ ลูกหนี้ไม่ชำระหนี้ เจ้าหนี้ไม่สามารถติดต่อลูกหนี้ได้ จากปัญหานี้ ทาง กยศ. เอง เตรียมจะเสนอกฏหมายให้ผู้กู้ยืมต้องยอมเปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับที่อยู่ ที่ทำงาน เพื่อที่จะสามารถติดต่อลูกหนี้ได้ตลอด และจากปัญหาลูกหนี้ กยศ. ไม่ยอมชำระหนี้ดังกล่าว ได้รับทราบข่าวว่า ขณะนี้ทางกองทุนกู้เงินให้กู้ยิมเพื่อการศึกษาได้ใช้มาตรการยึดทรัพย์ผู้กู้ยืมที่ค้างชำระหนี้ โดยจะมีการประเดิมยึดทรัพย์ผู้กู้ยืมรุ่นปีการศึกษา 47 ซึ่งก็ได้ประเดิมยึดไปแล้ว 786 ราย แล้วก็เตรียมจะยึดทรัพย์ ผู้กู้ยืมที่ค้างชำระหนี้อีกกว่า 4,000 ราย